ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ หรือ “ซีดีซี” (CDC) ออกมาเปิดเผยผลการสำรวจเด็กอายุ 8 ขวบ กว่า 200,000 คน ในรัฐต่าง ๆ ทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา พบว่า มีเด็กถึง 1 ใน 44 คน หรือประมาณ 2.27% ที่มีอาการ “ออสทิสติก” (ASD) ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าการสำรวจเมื่อปี 2016 ที่มีเด็ก 1 ใน 54 คน หรือประมาณ 1.85% ที่มีอาการเท่านั้น
โดยคาดกันว่าอาจมีปัจจัยสำคัญบางอย่างที่ทำให้ตัวเลขดังกล่าวสูงขึ้นจนน่าตกใจ เช่น คุณภาพของอาหาร หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน
ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ ชี้ มีเด็กอีกจำนวนมากที่มีอาการ ASD แต่ไม่รู้ตัว!

ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯออกมาเปิดเผยผลการสำรวจเด็กอายุ 8 ขวบ กว่า 200,000 คน ในรัฐต่าง ๆ ทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา พบว่า มีเด็กถึง 1 ใน 44 คน หรือประมาณ 2.27% ที่มีอาการ “ออสทิสติก” (ASD) ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าการสำรวจเมื่อปี 2016 ที่มีเด็ก 1 ใน 54 คน หรือประมาณ 1.85% ที่มีอาการเท่านั้น
โดยคาดว่าปัจจัยสำคัญอย่างคุณภาพของอาหาร หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มีผลอย่างมากต่อการเพิ่มขึ้นของตัวเลขดังกล่าว แต่ถึงอย่างนั้น ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ยังเชื่อว่า การเพิ่มขึ้นของเด็กออสทิสติกน่าจะเกิดจากความตระหนักถึงโรคนี้มากขึ้นในหมู่พ่อแม่เป็นหลัก ทำให้มีการตรวจพบเด็กที่มีอาการ ASD มากขึ้นเมื่อเทียบกับอดีตที่ไม่ค่อยมีใครพาลูกหลานของตัวเองไปรับการตรวจมากนัก ทำให้ตัวเลขที่ถูกบันทึกน้อยตามไปด้วย

ขณะที่ทีมของทางด้านนักวิจัยของทาง ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯเชื่อว่า จริง ๆ แล้ว ยังมีเด็กที่ป่วยเป็นโรคออสติสติกอีกหลายคนที่ยังตกสำรวจหรือไม่ได้รับการลงบันทึกจากหน่วยงานรัฐ เนื่องจากไม่รู้ตัว หรือพ่อแม่ผู้ปกครอบไม่ได้ใส่ใจ

สำหรับ กลุ่มอาการออทิซึม (ASD) หรือ “โรคออทิสติก” คือกลุ่มอาการความผิดปกติด้านพัฒนาการของเด็ก มีลักษณะอาการหลากหลาย ทั้งในด้านทางสังคม การสื่อสาร หรือความสนใจ โดยมันถูกค้นพบในช่วงปี 1911 และเคยถูกเชื่อกันว่ามีเด็กราวๆ 1% ของทั้งโลกที่มีอาการนี้
ข่าววันใหม่ เว็บไซต์ข่าวออนไลน์ที่รวมเอาข่าวสดใหม่ ข่าวเด่น ข่าวด่วนมานำเสนอให้ได้ติดตามข่าวทุุกวันที่นี้ทางออนไลน์